การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
กลยุทธ์การหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เราได้มุ่งหาแนวทางการแก้ปัญหาที่หลากหลาย รวมถึงความคิดใหม่ ๆ อีกทั้งได้ร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ไอวีแอลได้มีแนวทางในการวางกลยุทธ์การหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังต่อไปนี้
พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานของเรา
พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของไอวีแอล ผ่านการพัฒนาพลังงานทดแทนทั้งภายในและภายนอกองค์กร
การรีไซเคิล
ลงทุนและขยายโรงงานรีไซเคิลเพื่อจัดการปัญหามลพิษจากขยะพลาสติกและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
วัตถุดิบหมุนเวียน (Circular Feedstock - วัตถุดิบชีวภาพและรีไซเคิล)
การแทนที่วัตถุดิบตั้งต้นที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยวัตถุดิบที่มาจากชีวภาพและวัตถุดิบรีไซเคิล
แนวทางแก้ปัญหาต้นทุนทางธรรมชาติ
สำรวจกรรมสิทธิ์โครงการชดเชยคาร์บอนบางส่วนและทั้งหมด
เทคโนโลยีแห่งอนาคต
สำรวจโอกาสด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ไฮโดรเจนสีเขียว วัตถุดิบหมุนเวียน/วัตถุดิบชีวภาพ และเชื้อเพลิงธรรมชาติทดแทน (RNG)
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1)
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 2)
Location-based
Market-based
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (Scope 1 และ 2)
Location-based
Market-based
Emissions linked to energy consumption
2563 | 2564 | 2565 | 2566 | |
---|---|---|---|---|
Direct Greenhouse gas (GHG) emissions (kt CO2e) | 6,975 | 7,207 | 7,195 | 7,103 |
Indirect Greenhouse gas (GHG) emissions (kt CO2e) | 2,556 | 2,619 | 2,535 | 2,376 |
Total Greenhouse gas (GHG) emissions (kt CO2e) | 9,521 | 9,826 | 9,720 | 9,479 |
หมายเหตุ:
- อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถูกคำนวณตามการผลิตโดยรวมซึ่งรวมถึงการขายระหว่างบริษัท
- ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของปี 2563 และ 2564 ได้รับการปรับปรุงแก้ไข ให้สอดคล้องกับคำจำกัดความและกระบวนการรวบรวมข้อมูลที่พิจารณาให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
- ข้อมูลปี 2563 ที่ใช้เป็นปีฐาน ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
ไอวีแอลคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม (ขอบเขต Scope 1 และ 2) สำหรับการดำเนินงานทั้งหมดทั่วโลกตามระเบียบการบัญชีของก๊าซเรือนกระจก (GHG Accounting Protocols) และการรายงานขององค์กร โดยสถาบันทรัพยากรโลก (World Resource Institution) สภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (World Business Council for Sustainable Development) และ ISO 14064-1: 2006
การเปิดข้อมูลก๊าซเรือนกระจกเป็น 100%
ตั้งแต่ปี 2556 เปอร์เซ็นต์การรายงานแลการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกไซต์ของเราทั่วโลกของเราเป็น 100% ซึ่งรวมถึงการทำบัญชีเปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Accounting Protocols) ภายใต้ขอบเขต 1 และ 2 (Scope 1 และ 2) จากแหล่งกำเนิดมลพิษทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้เรายังได้กำหนดเกณฑ์ในการคำนวณขอบเขตการปล่อยมลพิษที่ปล่อยออกมาจากห่วงโซ่อุปทานของเราทั่วโลก (Scope 3) เราได้วางแผนที่จะมีกระบวนการตรวจสอบประจำปีในสถานที่ดำเนินงานของเราโดยให้บุคคลที่สามเป็นผู้ตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดนั้นมีความโปร่งใสสอดคล้องและถูกต้องตามมาตรฐาน ISO 14064-1 และ 14064-3
กลยุทธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เราตระหนักดีว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเรา เราได้ค้นหาวิธีการรับพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ลมหรือสิ่งอำนวยความสะดวกจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของเรา เราได้ทำการศึกษาประโยชน์ของการเข้าร่วมสมาคมระดับชาติของผู้ซื้อไฟฟ้าทดแทนเพื่อให้ได้รับอำนาจการเจรจาต่อรองที่มากขึ้น รวมไปถึงราคาค่าไฟฟ้าที่ยุติธรรมมากขึ้น เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการจัดหาพลังงานทดแทนผ่าน PPA และสอดคล้องกับโปรโตคอลปารีส (Paris Protocol) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเรา
GHG verification and assurance
Our audited GHG Scope 1, Scope 2 and Scope 3 Emissions
Emissions Source | Amount (tCO2e) |
A - Greenhouse Gas Inventory | |
Scope 1 | 7,102,530 |
Scope 2 (Location based) | 2,478,410 |
Scope 1 and 2 (Location based) | 9,580,940 |
Scope 2 (Market based) | 2,375,660 |
Scope 1 and 2 (Market based) | 9,478,190 |
Biogenic emissions | 76,521 |
Scope 3 Purchased Goods and Services (including Nitrogen) | 22,881,050 |
Scope 3 Upstream Transportation | 665,855 |
Scope 3 Waste | 214,770 |
Scope 3 Business Travel | 24,488 |
Scope 3 Employee Commuting | 42,965 |
Scope 3 Downstream Transportation | 1,670,940 |
Scope 3 Emissions from electricity (T&D, WTT) | 843,938 |
Scope 3 Emissions from Fuels (WTT) | 841,191 |
Scope 3 Capital goods emissions | 533,387 |
Scope 3 Use of sold products | 1,807,773 |
Scope 1, Scope 2 (Location based) and Scope 3 | 39,107,299 |
Scope 1, Scope 2 (Market based) and Scope 3 | 39,004,549 |
ในปี 2566 บริษัท Indorama Ventures Dhunseri Petrochem Industries Private Limited ในประเทศอินเดีย ได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนระบบเครื่องทำความร้อนน้ำมันร้อนจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ประมาณ 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการเลิกใช้ถ่านหิน 100% ภายในปี 2030เมื่อรวมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 264,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ระหว่างปี 2563 ถึง 2566 คิดเป็น 3.8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 Baseline ของเรา ซึ่งสำเร็จได้จากการลดการใช้ถ่านหิน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเลิกใช้ถ่านหินในกระบวนการปฏิบัติการของเรานอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงชีวมวลยังช่วยทำให้พื้นที่เครื่องทำความร้อนปลอดฝุ่น ทำให้งานบำรุงรักษาง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดความจำเป็นในการใช้งานแรงงานชั่วคราว และสามารถนำไปใช้ในงานอื่น ๆ ได้การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังมีส่วนช่วยให้สิ่งแวดล้อมสะอาดขึ้นอีกด้วย
โรงงาน Performance Fibers (Kaiping) ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานของอินโดรามา เวนเจอร์สในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้ดำเนินโครงการนำร่องการกู้คืนความร้อนในสายการผลิตเคลือบผ้าหนึ่งสาย โดยสามารถลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลงได้ถึง 25% ในช่วงสองเดือนติดต่อกันของการทดลองปฏิบัติการจากความสำเร็จนี้ โรงงานมีแผนที่จะขยายการติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนความร้อนให้ครอบคลุมทั้งสี่สายการผลิตเคลือบผ้า ซึ่งถือเป็นโซลูชันนวัตกรรมแรกในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์การขยายโครงการนี้คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ 5,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีไม่เพียงแต่จะเป็นความสำเร็จทางการเงินและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในหมู่พนักงานของอินโดรามา เวนเจอร์ส และอาจขยายไปยังสายการผลิตอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอสำหรับการเคลื่อนที่ (Fibers Mobility Vertical) ได้ในอนาคต
บริษัท PT. Indorama Ventures (PTIVI) ประเทศอินโดนีเซีย ได้ติดตั้งกังหันก๊าซขนาด 7.5 เมกะวัตต์จำนวน 2 เครื่อง พร้อมด้วยเครื่องทำความเย็นแบบดูดซับเพิ่มอีก 2 เครื่อง โดยมีความสามารถในการทำความเย็น 2,937 ตัน ซึ่งใช้พลังงานจากทั้งความร้อนเหลือทิ้งและการกู้คืนพลังงานจากน้ำร้อนหน่วยนี้ถูกติดตั้งร่วมกับหม้อไอน้ำ HTM ใหม่ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ความร้อนเหลือทิ้งจากกังหันก๊าซ โครงการที่เป็นเอกลักษณ์นี้ใช้การกู้คืนความร้อนใน 3 ระดับขั้นตอน และถือเป็นครั้งแรกของอินโดรามา เวนเจอร์สที่กระบวนการผลิตพลังงานร่วมในโรงงานจะใช้ความร้อนเหลือทิ้งจากก๊าซไอเสียของกังหันโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนรวม 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ประมาณ 30,000 ตันต่อปี พร้อมทั้งคาดว่าการลดการปล่อย CO2 จะอยู่ที่ประมาณ 25% สำหรับพื้นที่ทั้งโรงงาน
เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต Ethylene Oxide (EO) ก๊าซบางส่วนที่เกิดขึ้นถูกนำไปขายและใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอื่น ๆ ในปี 2565 ระหว่างเดือนเมษายนถึงธันวาคม โรงงานใน Camaçari ได้ขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 29,580 ตัน และในช่วงเวลาเดียวกัน โรงงาน Maua ได้ขายก๊าซจำนวน 4,393 ตันหน่วยผลิตใน Botany ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IOD มีประวัติการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากกระบวนการผลิต Ethylene Oxide (EO) มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2022 มีการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 4,229 ตัน คิดเป็นประมาณ 43% ของปริมาณที่ผลิตได้ในส่วนของ Port Neches ซึ่งเป็นหน่วยผลิต EO ที่ใหญ่ที่สุด กำลังพัฒนาโครงการเพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผลิตขึ้น โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือถึงการใช้งานก๊าซดังกล่าว โดยมีการพูดคุยกับบริษัทในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและบริษัทที่สามารถแปลงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นเคมีภัณฑ์ชนิดใหม่ได้